ตกแต่งบ้านหรูให้เหนือระดับ ด้วยพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ระดับพรีเมียม
บ้านที่สวยและหรูหรา ไม่ใช่แค่เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งที่ดูดีเท่านั้น แต่ “พื้นบ้าน” คือองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อบรรยากาศโดยรวมอย่างลึกซึ้ง หนึ่งในวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในบ้านระดับลักชัวรี่ก็คือ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Flooring) ซึ่งเป็นการรวมกันระหว่าง ผนังไม้วีเนียร์ไม้แท้ กับแกนโครงสร้างคุณภาพสูง เพื่อให้ได้ทั้งความงามแบบธรรมชาติ และความแข็งแรงที่เหมาะกับการใช้งานจริงในทุกวัน
ไม้เอ็นจิเนียร์ ให้สัมผัสและลวดลายเสมือนไม้จริงแท้ แต่มีความเสถียรสูงกว่า ไม่โก่งงอหรือยืดหดตามสภาพอากาศ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบ้านหรูที่ต้องการความเรียบหรู อบอุ่น และไร้ที่ติในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องนอน หรือแม้แต่โถงบันได พื้นไม้ engineering wood ก็สามารถปรับบิ้วอินเข้าได้กับทุกพื้นที่อย่างสมบูรณ์แบบ
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ คืออะไร
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ หรือพื้นไม้อิตาลี คือ พื้นไม้ ที่ผลิตขึ้นมาโดยการนำไม้จริงมาแปรรูปและประกอบเข้ากับวัสดุอื่น เพื่อให้ได้พื้นไม้ MGO มีความสวยงามเหมือนไม้จริง แต่พื้น engineered wood มีความแข็งแรง ทนทานต่อความชื้นและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าไม้จริงล้วน ๆ รวมถึงมีมิติหลากหลาย
ลักษณะทั่วไปจะมีโครงสร้างหลายชั้น โดยชั้นบนสุดเป็นไม้จริงบางๆ (Veneer) ติดอยู่บนชั้นแกนกลางที่ทำจากไม้อัด (Plywood) หรือไม้เนื้ออ่อน (Softwood) และมีชั้นล่างสุดเพื่อเสริมความแข็งแรง ทำให้ไม้พื้นเอ็นจิเนียร์เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มบ้านหรู หรือคอนโดระดับพรีเมียม
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์คืออะไร? ความงามของไม้แท้ในรูปแบบที่ทนทานกว่าเดิม
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Flooring) คือวัสดุปูพื้นที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งความสวยงามของ ไม้จริง และความทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน พื้นชนิดนี้ต่างจากไม้ปาร์เก้หรือไม้ลามิเนต เพราะใช้ วีเนียร์ไม้ แท้ ๆ เป็นชั้นบนสุด ทำให้ได้ลวดลายธรรมชาติที่สวยงามและสัมผัสที่อบอุ่นเหมือนไม้จริง
พื้นไม้ engineering wood มีโครงสร้างหลายชั้น (multi-layer) ที่ออกแบบมาให้เสถียร ไม่บิดงอหรือยืดหดตัวง่าย โดยทั่วไปประกอบด้วย:
- ชั้นวีเนียร์ไม้ (Top Layer)
เป็นชั้นผิวหน้าที่ทำจาก วีเนียร์ไม้แท้ เช่น ไม้โอ๊ค ไม้วอลนัท หรือพื้นไม้อิตาลี ให้ลวดลายที่ชัดเจน สัมผัสเสมือนไม้จริงแท้ มีความหนาแตกต่างกันตามเกรดคุณภาพ ซึ่งสามารถขัดผิวหรือรีเฟรชพื้นได้ในอนาคต
- ชั้นกลาง (Core Layer)
ทำจากไม้ชนิดเสถียร เช่น Plywood หรือ HDF เป็นแกนโครงสร้างที่ช่วยรองรับแรงกระแทก และลดการขยาย-หดตัวจากความชื้นและอุณหภูมิ ช่วยให้ ไม้พื้นเอ็นจิเนียร์ คงรูปอยู่เสมอ
- ชั้นฐาน (Bottom Layer / Balance Layer)
เป็นชั้นไม้หรือวัสดุเสริมที่ติดอยู่ด้านล่างสุด ช่วยถ่วงน้ำหนักและเพิ่มความสมดุลให้กับแผ่นพื้น เพื่อป้องกันการบิดตัวเมื่อเวลาผ่านไป
ด้วยโครงสร้างแบบหลายชั้นนี้ ทำให้ พื้นเอ็นจิเนียร์ เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการ พื้นไม้อิตาลี ที่ทั้งสวยงามและทนทาน ใช้งานได้ดีทั้งในบ้านพักอาศัย และพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ต้องการภาพลักษณ์หรูหรา
คุณสมบัติของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ มีอะไรบ้าง
วัสดุอย่าง ไม้เอ็นจิเนียร์ มีคุณสมบัติโดดเด่นหลายประการ เหมาะกับบ้านที่ต้องการทั้งความสวยและความทนทานได้อย่างลงตัว โดยพื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีคุณสมบัติดังนี้
- ความแข็งแรง: ด้วยโครงสร้างหลายชั้น จึงทนต่อแรงกดและรอยขีดข่วนได้ดีกว่าวีเนียร์ไม้
- ความเสถียร: ลดการยืดหดของไม้จากความชื้นและอุณหภูมิ
- ดีไซน์หลากหลาย: พื้นเอ็นจิเนียร์มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย
- ติดตั้งง่าย: สามารถปูแบบคลิกล็อกหรือกาวยึด
- รักษาง่าย: ไม่ต้องขัดเคลือบเหมือนไม้จริง
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เอ็นจิเนียร์ จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับผู้ที่ต้องการผสมผสานความหรูหราและฟังก์ชันเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
คุณสมบัติและข้อดีของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ที่ทำให้บ้านหรูดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
การเลือกใช้ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ไม่ใช่เพียงเพราะความสวยงาม แต่ยังรวมถึงคุณสมบัติทางเทคนิคที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาพื้นไม้ที่ทั้ง สวย ทน และดูแลง่าย พื้นไม้ชนิดนี้ถือเป็นคำตอบที่ลงตัว
คุณสมบัติเด่นของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์:
- ผิวหน้าเป็นวีเนียร์ไม้แท้ (Real Wood Veneer)
ให้ลวดลายธรรมชาติ สัมผัสอุ่นละมุน ดูมีชีวิต ไม่ซ้ำแผ่น
- โครงสร้างหลายชั้น เพิ่มความเสถียร (Multi-layered Stability)
แก้ปัญหาไม้โก่งหรือยืดหดในสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงได้ดี
- ติดตั้งได้ทั้งแบบกาวและคลิกล็อก (Glue & Click Lock Options)
ยืดหยุ่นตามพื้นที่ใช้งาน ช่วยลดฝุ่นและเวลาการติดตั้ง
- รองรับการใช้งานได้ทุกห้อง
ตั้งแต่ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ไปจนถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีคนเดินผ่านมาก
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากการเลือกใช้พื้น engineered wood:
- ความสวยงามเทียบเท่าพื้นไม้จริง แต่ดูแลง่ายกว่า
ไม่ต้องกังวลเรื่องบวม โก่ง หรือสีซีดจางง่าย
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ใช้เนื้อไม้จริงเพียงชั้นผิวหน้า ช่วยลดการใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติ
- ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องลงแว็กซ์หรือเคลือบพิเศษบ่อย ๆ
ใช้เพียงไม้กวาดหรือผ้าชุบน้ำหมาดก็เพียงพอ
ด้วยความสมดุลระหว่าง “ดีไซน์” และ “การใช้งานจริง” ทำให้ ไม้พื้นเอ็นจิเนียร์ เป็นทางเลือกยอดนิยมของบ้านสมัยใหม่ที่ต้องการความเรียบหรูในทุกรายละเอียด
ข้อดีและข้อเสียของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
ข้อดีของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์:
- สวยงามเหมือนไม้จริง ดูเหมือนไม้เนื้อแข็งธรรมชาติ
- มีความเสถียรสูง ไม่บิดงอจากสภาพอากาศ
- ราคาประหยัดกว่าพื้นไม้จริง
- ติดตั้งง่าย ใช้งานได้นาน
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้ไม้จริงน้อยกว่า
ข้อเสียของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์:
- ไม่สามารถขัดพื้นได้หลายครั้งเหมือนไม้จริง
- หากผิวหน้าบางเกินไป อาจเสียหายเร็วในพื้นที่ใช้งานหนัก
- ต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งเพื่อคงความเรียบเนียน
ดังนั้นก่อนตัดสินใจใช้ พื้นไม้ เอ็นจิเนียร์ ควรพิจารณาทั้งข้อดีและข้อจำกัดให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานในแต่ละพื้นที่
ข้อจำกัดเล็กน้อยของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์… แต่ยังคงคุ้มค่าในทุกมิติ
แม้ว่า พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ จะมีข้อดีหลากหลาย ทั้งเรื่องความสวยงาม ความเสถียร และความหลากหลายในการใช้งาน แต่ก็มีข้อควรพิจารณาเล็กน้อย เช่น ชั้นวีเนียร์ที่อยู่ด้านบนแม้จะเป็นไม้จริง แต่หากมีความหนาน้อยเกินไป อาจไม่สามารถขัดผิวหรือรีเฟรชพื้นได้หลายครั้งเหมือน พื้นไม้จริงทั้งแผ่น (Solid Wood) และในบางกรณีหากติดตั้งผิดวิธี หรือใช้กับพื้นที่เปียกชื้นโดยไม่มีการป้องกัน อาจทำให้พื้นเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้สามารถจัดการได้ง่าย และเมื่อเทียบกับข้อดีแล้ว ไม้เอ็นจิเนียร์ ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะ…
- ดูแลรักษาง่ายกว่าไม้จริง
ไม่ต้องขัดเคลือบหรือระวังเรื่องการหดตัวของไม้ในทุกฤดูกาล
- ติดตั้งง่าย ประหยัดเวลาและค่าแรง
โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้ระบบ Click Lock ซึ่งไม่ต้องใช้กาว
- ราคาคุ้มค่ากว่า Solid Wood Flooring อย่างชัดเจน
ได้ลวดลายไม้แท้ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า แต่ยังคงมาตรฐานความหรูหรา
ด้วยความคุ้มค่าและการดูแลที่ง่ายกว่า พื้นไม้ engineering wood จึงเป็นตัวเลือกที่สมดุลที่สุด สำหรับใครที่ต้องการบ้านที่ทั้งดูดี มีสไตล์ และใช้งานได้จริงในระยะยาว
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์เหมาะกับใช้บริเวณไหน
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์เหมาะติดตั้งในพื้นที่ภายในอาคารหลายประเภท เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องรับประทานอาหาร และห้องทำงาน เนื่องจากมีความสวยงามเหมือนไม้จริง ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นได้ดีกว่าไม้จริง ติดตั้งง่าย และราคาถูก ทำให้ไม้engineering wood เป็นตัวเลือกที่นิยมสำหรับบ้าน คอนโดมิเนียม และอพาร์ตเมนต์
อย่างไรก็ตาม พื้น engineered wood ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งในบริเวณที่มีความชื้นสูงโดยตรง เช่น ห้องน้ำ หรือบริเวณภายนอกอาคาร และควรระมัดระวังการใช้งานในพื้นที่ที่มีการสัญจรหนาแน่นมากเป็นพิเศษ บริเวรณนี้แนะนำให้ใช้พื้นไม้ MGO ทนชื้น กันน้ำ
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ เหมาะกับพื้นที่แบบไหน? คำตอบคือ…แทบทุกที่ที่คุณต้องการ
ด้วยคุณสมบัติของ ไม้เอ็นจิเนียร์ ที่มีความเสถียร ทนต่อการหด-ขยายตัว และให้สัมผัสเหมือนไม้จริงแท้ ทำให้ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ กลายเป็นวัสดุยอดนิยมที่สามารถใช้ได้กับหลากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัยหรือพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ต้องการความสวยงามและความทนทานไปพร้อมกัน
- ห้องนั่งเล่น & ห้องนอน
ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตา และเสริมบรรยากาศผ่อนคลาย เหมาะสำหรับพื้นที่พักผ่อนของครอบครัว
- ห้องรับประทานอาหาร & ห้องครัวแบบเปิด
ด้วยโครงสร้างหลายชั้นของ พื้นไม้ engineering wood ทำให้ทนต่อความชื้นในระดับปานกลางได้ดีกว่าไม้จริง เหมาะกับบ้านสมัยใหม่ที่มีโซน open plan
- ห้องรับแขก & โถงทางเดิน
พื้นที่ที่มีการเดินผ่านบ่อย พื้น engineered wood สามารถรองรับการใช้งานได้ดีโดยไม่เกิดรอยง่าย
- พื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น ร้านค้า โชว์รูม หรือสำนักงานระดับพรีเมียม
เพิ่มภาพลักษณ์ให้แบรนด์ของคุณ ด้วย ไม้พื้นเอ็นจิเนียร์ ที่ให้ทั้งความหรูหราและความเป็นมืออาชีพ
- ไม่แนะนำให้ใช้ในพื้นที่เปียกน้ำโดยตรง เช่น ห้องน้ำหรือบริเวณภายนอกบ้าน แต่หากมีการป้องกันที่ดีหรือเลือกใช้รุ่นที่มีการเคลือบพิเศษ ก็สามารถใช้งานได้บางกรณี
สรุปแล้ว พื้นไม้ engineered wood คือทางเลือกที่ยืดหยุ่นและใช้งานได้ครอบคลุมหลากหลายพื้นที่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวัสดุที่ทั้งสวย ทน และสะท้อนรสนิยมระดับลักชัวรี่ได้อย่างชัดเจน
- ทางเลือกสำหรับพื้นที่ความชื้นสูง: พื้นไม้ MGO
หากคุณต้องการวัสดุปูพื้นที่ทนต่อความชื้นสูง เช่น ห้องครัว ห้องใต้ดิน หรือบ้านพักในเขตร้อนชื้น พื้นไม้ MGO คือทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ด้วยคุณสมบัติ กันน้ำ 100%, ทนไฟ, และ ไม่มีสารเคมีอันตราย เหมาะกับทั้งบ้านพักอาศัยและพื้นที่ใช้งานหนัก แต่ถึงอย่างไร พื้น MGO ก็ยัง ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่โดนน้ำโดยตรงต่อเนื่อง เช่น ห้องน้ำหรือห้องอาบน้ำแบบเปียกทั้งหมด
Mobel Bangkok – พื้นไม้ที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์ และทุกความตั้งใจในการออกแบบ
ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหา พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ สำหรับบ้านที่ต้องการความอบอุ่น หรูหรา หรือกำลังมองหา พื้นไม้ MGO สำหรับพื้นที่ที่ต้องการความทนทาน ปลอดภัย และทันสมัย Mobel Bangkok มีตัวเลือกที่หลากหลายเพื่อรองรับทุกความต้องการ ทั้งในด้านดีไซน์ โทนสี ลวดลายไม้ และระดับความทนทาน
เราพร้อมให้คุณ Realise your vision – เติมเต็มไอเดียงานออกแบบของคุณให้เป็นจริง ด้วยวัสดุปูพื้นที่สวยงาม แข็งแรง และเลือกได้ตามสไตล์ของแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง